CFD ได้รับความนิยมเนื่องจากจำลองการเคลื่อนไหวของราคาดัชนี และนำเสนอผ่านผู้ให้บริการมากกว่าตลาดแลกเปลี่ยน ผู้ให้บริการเหล่านี้กำหนดราคาโดยอิงจากตลาดฟิวเจอร์สที่เกี่ยวข้องกับดัชนีแต่ละตัว เนื่องจากข้อจำกัดด้านเครื่องหมายการค้า CFD จึงมักมีชื่อเรียกต่างจากดัชนีจริง เช่น ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หรือดัชนี DAX ของเยอรมนี
คุณรู้หรือไม่?
CFD มีความยืดหยุ่นมากกว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบดัชนี ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์หลายราย CFD อนุญาตให้ซื้อขายแบบ Fractional Position ซึ่งทำให้ลงทุนเริ่มต้นได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเงินทุนจำนวนมากที่มักต้องใช้สำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบดัชนี นอกจากนี้ CFD ยังอำนวยความสะดวกในการซื้อขายทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงโดยไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งแตกต่างจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีระยะเวลาครบกำหนดที่แน่นอน ซึ่งกำหนดให้มีการ Rollover เป็นระยะเพื่อรักษาสถานะไว้ กระบวนการ Rollover ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้านี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า CFD มีความเสี่ยง เช่น การขาดทุนจากเลเวอเรจ เทรดเดอร์ควรใช้ความระมัดระวังและมีกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเมื่อซื้อขาย CFD
กลไกการซื้อขาย CFD บนดัชนีหุ้น
ดัชนีหุ้นต่างจากหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ตรงที่ไม่มีราคาซื้อหรือขายโดยตรง ดัชนีแต่ละตัวมีค่าเฉพาะตัวที่คำนวณอย่างต่อเนื่อง และผู้ให้บริการ CFD จะกำหนดราคาซื้อและขายตามค่านี้ โดยขึ้นอยู่กับตลาดฟิวเจอร์ส ตัวอย่างเช่น หากดัชนี NASDAQ-100 อยู่ที่ 4600 ผู้ให้บริการ CFD อาจเสนอราคาที่ 4599/4601 โดยมีสเปรดสองจุด
ข้อดีของการซื้อขายดัชนีหุ้น CFD
- เวลาซื้อขายที่ขยายเวลา : ในขณะที่ตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมดำเนินการภายในเวลาซื้อขายที่แน่นอน ตลาดฟิวเจอร์สมักจะมีช่วงเวลาซื้อขายที่ยาวนานกว่า ผู้ให้บริการ CFD มักกำหนดราคาโดยอิงจากการเคลื่อนไหวของราคาฟิวเจอร์สที่ขยายเวลาเหล่านี้ ซึ่งทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดนอกเวลาทำการปกติได้ โบรกเกอร์บางรายยังเสนอราคา "นอกเวลาทำการ" โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อกำหนดราคาสินทรัพย์เทียบกับตลาดโลกอื่นๆ เมื่อทั้งตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์สปิดทำการ คุณสมบัตินี้เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นนอกเวลาทำการ
- เลเวอเรจ : CFD ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้เลเวอเรจได้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วยมาร์จิ้นเริ่มต้นที่น้อยกว่า ซึ่งสามารถขยายผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมาก จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่มองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- การกระจายความเสี่ยง : การซื้อขาย CFD ในดัชนีหุ้นช่วยให้นักลงทุนได้รับโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่หลากหลายภายในการซื้อขายเพียงครั้งเดียว การกระจายความเสี่ยงนี้สามารถลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นรายตัวได้
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์อ้างอิง : เนื่องจาก CFD เป็นตราสารอนุพันธ์ เทรดเดอร์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในหุ้นหรือดัชนีอ้างอิง ซึ่งทำให้การซื้อขายง่ายขึ้นและไม่จำเป็นต้องบริหารจัดการสินทรัพย์จริง
ข้อได้เปรียบสำคัญของ CFD คือความสามารถในการซื้อขายในช่วงเวลาที่ขยายออกไป แม้ว่าตลาดหุ้นจะมีช่วงเวลาการซื้อขายที่แน่นอน แต่ตลาดฟิวเจอร์สมักเปิดทำการในช่วงเวลาที่นานกว่า ผู้ให้บริการ CFD ได้รับราคาจากการเคลื่อนไหวของตลาดฟิวเจอร์สที่ขยายออกไปเหล่านี้ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการบางรายยังเสนอราคา "นอกเวลาทำการ" โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์กับตลาดโลกอื่นๆ แม้ว่าตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์สจะปิดทำการก็ตาม อย่างไรก็ตาม ราคาเหล่านี้อาจไม่สอดคล้องกับมูลค่าตลาดเปิดอย่างเป็นทางการ และโดยทั่วไปจะมีสเปรดที่กว้างกว่าเนื่องจากขาดการตรวจสอบความถูกต้องโดยตรง
ข้อเสียของการซื้อขายดัชนีหุ้น CFD
- ความเสี่ยงที่สูงขึ้นเนื่องจากเลเวอเรจ : แม้ว่าเลเวอเรจจะสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน เทรดเดอร์อาจขาดทุนเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น ดังนั้นการจัดการสถานะอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- สเปรดที่กว้างขึ้นในช่วงเวลาที่ขยายออกไป : แม้ว่าการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติจะมีโอกาส แต่บ่อยครั้งที่สเปรดที่กว้างขึ้นมาพร้อมกับสภาพคล่องที่ต่ำกว่าและการตรวจสอบความถูกต้องของตลาดที่น้อยกว่า ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนการซื้อขายและส่งผลกระทบต่อผลกำไร
- การกำกับดูแลที่จำกัด : CFD อาจไม่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดในทุกเขตอำนาจศาลเมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้นแบบดั้งเดิม เทรดเดอร์ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงเพื่อให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมการซื้อขายมีความปลอดภัย