สินค้าโภคภัณฑ์มีการซื้อขายที่ไหน?
สินค้าโภคภัณฑ์มีการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง ซึ่งเน้นสินค้าเฉพาะประเภท ตลาดหลักทรัพย์ที่น่าสนใจ ได้แก่:
LIFFE (ตลาดซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นทางการเงินระหว่างประเทศลอนดอน): พื้นที่ซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยเน้นสินค้าโภคภัณฑ์อ่อน เช่น โกโก้ ข้าวสาลี กาแฟ น้ำตาล และข้าวโพด
NYMEX (ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์นิวยอร์ก): ตลาดซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ทางกายภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเชี่ยวชาญด้านพลังงานและโลหะ รวมถึงน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ เงิน และทองแดง
London Metal Exchange: ตลาดชั้นนำสำหรับโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก รวมถึงอลูมิเนียม ทองแดง นิกเกิล และสังกะสี
ICE Futures US: ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนที่สำคัญระดับโลก เช่น น้ำตาล ฝ้าย โกโก้ และน้ำส้ม
CBOT (Chicago Board of Trade): ตลาดซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นที่เก่าแก่ที่สุด โดยเน้นที่ธัญพืช เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าวสาลี
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์มีการซื้อขายในรูปแบบสัญญา โดยแต่ละตลาดจะมีขนาดสัญญามาตรฐานที่กำหนดโดยตลาดแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำมีขนาด 100 ออนซ์ทรอย หากราคาทองคำอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ทรอย การซื้อสัญญาหนึ่งฉบับจะมีต้นทุน 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยอาจมีเงินทุนไม่มาก ตลาดแลกเปลี่ยนหลายแห่งจึงเสนอออปชันการซื้อขายแบบเลเวอเรจหรือสัญญา "มินิ" ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสัญญามาตรฐาน โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 10% ถึง 50% ของขนาดมาตรฐาน การตรวจสอบขนาดสัญญาก่อนการซื้อขายจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากขนาดสัญญาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสินค้าโภคภัณฑ์
อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนราคาสินค้าโภคภัณฑ์?
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาสินค้าโภคภัณฑ์คือความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ยกตัวอย่างเช่น การเก็บเกี่ยวฝ้ายที่ดีอาจนำไปสู่อุปทานส่วนเกิน ส่งผลให้ราคาตกต่ำ ในขณะที่อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตอาจทำให้ราคาสูงขึ้นได้ หากอุปทานไม่สามารถปรับตัวตามทัน
ปัจจัยหลายประการยังส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย:
สภาพอากาศ: สินค้าเกษตรมีความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศเป็นพิเศษ การเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีอาจทำให้ผลผลิตลดลง ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง: ความไม่มั่นคง เช่น ความขัดแย้งหรือความไม่สงบทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ตัวอย่างเช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจทำให้ราคาน้ำมันผันผวนเนื่องจากความไม่แน่นอนของอุปทาน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า: เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ ราคาจึงมักผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์ หากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง จะต้องใช้เงินดอลลาร์มากขึ้นในการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนเท่าเดิม ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมักจะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาถูกกว่า